1. เร่งให้เกิดการเผาผลาญไขมันในร่างกาย
2. กระตุ้นและขับของเสียออกไป
3. ขจัดไขมันและเซลลูไลต์
4. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบตึงขึ้น
5. ในคนไข้บางรายพบว่ามีน้ำหนักลดลงด้วย
6. ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายสบายตัว
จะพบว่าหลังจากที่คุณทำการรักษาแม้เพียงครั้งแรก คุณจะรู้สึกถึงผิวกระชับขึ้น และสัดส่วนบริเวณที่รักษานั้นจะลดลง โดยการลดลงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังและชั้นไขมัน รวมทั้งอายุของผู้ทำการรักษาในแต่ละรายด้วย
1. ไม่แนะนำให้ทำในช่วงระหว่างมีรอบเดือน หรือก่อนหลังการมีรอบเดือน 3 วัน
2. ผู้ที่สูญเสียความรู้สึก หรือการรับความรู้สึกบกพร่องหรือช้า
3. ผู้ที่เป็นโรคไต ผู้ที่มีโรคที่เกิดจากระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด
4. หญิงมีครรภ์ และหลังคลอดบุตร 6 เดือน
5. ผู้ที่มีประวัติเป็นลมชัก
6. ไม่แนะนำให้ทำในบริเวณที่มีการอักเสบ แผลถลอก หรือบริเวณที่เคยได้รับการผ่าตัดมาน้อยกว่า 6 เดือน หรือแผลผ่าตัดยังหายไม่สนิท
7. ให้ถอดอุปกรณ์และเครื่องประดับที่เป็นโลหะก่อนทำทุกครั้งเพราะเป็นการรบกวนการส่งคลื่นได้
1. หลังทำการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า เฉลี่ย 3 – 4 ลิตร เพื่อให้ของเสียที่คั่งค้างสะสมอยู่ในร่างกายถูกกำจัดออกให้เร็วที่สุดและในวันถัดไปให้ดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร ถ้าดื่มน้ำน้อยขบวนการขับของเสียออกจากร่างกายจะไม่ดี ของเสียและไขมันจะยังคงสะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ผลในการรักษาได้ผลไม่ดีนัก
2. กรณีรักษา RF เพื่อลดไขมันส่วนเกิน ควรควบคุมอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน เพื่อป้องกันไขมันส่วนเกินมาสะสมใหม่
3. ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย
4. เพื่อเสริมให้เห็นผลการรักษาเร็วยิ่งขึ้นควรรักษาควบคู่ไปกับการทำทรีทเม้นท์อื่นๆ ร่วมด้วย ตามคำแนะนำ
ผลการรักษาด้วย RF พบว่าในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน นอกจากคุณภาพของเครื่องที่ใช้และความชำนาญ ยังขึ้นอยู่กับอายุและดูแลบำรุงรักษาผิวพรรณ เพราะสังขารคนเรา เมื่ออายุมากขึ้น ก็ต้องร่วงโรยตามธรรมชาติ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือหลังจากทำการรักษาด้วย RF ติดต่อกันจนได้ผลสูงสุดแล้ว ควรกลับมารักษาซ้ำเป็นระยะตามความเหมาะสม เพื่อให้อยู่ตัว ใบหน้าและคอดูอ่อนวัยดังเดิมไปนานที่สุด
เพราะเนื่องจาก RF เป็นวิธีการรักษาซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ปลอดภัยที่สุด ประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถทำการรักษาซ้ำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จึงเป็นวิธีการที่ดีวิธีหนึ่งในปัจจุบันในการชะลอวัย ( anti-aging )
1. ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของลูกค้า เช่น การรักษาเพื่อลดเซลลูไลท์และกระชับสัดส่วน จะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ควรทำประมาณ 10-15 ครั้ง โดยใน 1 เดือนแรกควรทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
2. การรักษาเพื่อลดไขมันส่วนเกินและกระชับสัดส่วน จะใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที ควรทำประมาณ 15-20 ครั้ง โดยใน 1 เดือนแรกควรทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
3. การดูแลผิวพรรณและสัดส่วนให้กระชับหลังจบคอร์สอย่างต่อเนื่อง ควรทำเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้งหรือบ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ
ในระหว่างทำ RF จะรู้สึกอุ่นๆบริเวณที่ทำ และหลังจากการทำเสร็จทันทีผิวบริเวณนั้นจะเป็นสีชมพู หรือแดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงผิวบริเวณนั้น ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปได้เอง หลังจากนั้นจะรู้สึกว่าผิวเต่งตึงขึ้น นอกจากนี้จะรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่นกระปรี้กระเปร่า เหมือนกับการเข้าสปานวดหน้า นวดตัว
จากผลการทำงานดังกล่าวข้างต้น RF จึงมีประโยชน์ในแวดวงความงาม เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพอจะสรุปได้เป็นหมวดๆ ดังนี้
1. Body Lifting คือ การยกกระชับ แก้ไขการเหี่ยว หย่อนคล้อยทำให้ไม่ต้องผ่าตัดเพื่อดึง
2. Body Recontouring คือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้สมส่วน
3. skin Rejuvenation คือ การลบเลือนริ้วรอยบริเวณผิวหนัง หรือผิวแตกลาย ให้ดูตื้นขึ้น
4. Skin Resurfacing คือ การทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
5. Skinl Lightening คือ การปรับสีผิวให้ขาวสว่างมากขึ้น รอยดำต่างๆจางลง
6. Body Reconturing and Firming คือ ช่วยกระตุ้นให้ไขมันเกิดการเผาผลาญด้วยวิธีการที่ปลอดภัย ทำให้หลอดเลือดขยายตัว น้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี ไม่เกิดการสะสมของของเสียและไขมันส่วนเกิน และยังทำให้เนื้อเยื่ยได้รับออกซิเจนมากขึ้น